วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Ninja Hattori-kun

ชื่อการ์ตูน ภาษาญี่ปุ่น : Ninja Hattori-kun (นินจา ฮาโตริ คุง)
ชื่อการ์ตูน ภาษาอิตาเลี่ยน : Nino, il mio amico ninja
ชื่อการ์ตูน ภาษาสเปน : Ninja Hattori
ชื่อการ์ตูน ภาษาไทย : นินจา ฮาโตริ
ผู้แต่ง : Fujiko F. Fujio (manga) / Shogakukan Inc. ปี 1982
คนภาคเสียง ฮาโตริ : Yuko Mita
ประเภทการ์ตูน : comedy, ninja, children
นิ นจา ฮาโตริคุงเป็นการ์ตูนชุด ในช่วงปี 70 โดยผู้สร้าง Fujio F. Fujiko ชาย2 คนผู้สร้างการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายอย่าง โดราเอมอน,แม้การ์ตูนนินจาฮาโตริจะไม่ดังเท่าโดราเอมอน,นินจาฮาโตริก็ดังมาก พอที่จะสร้างเป็นการ์ตูนชุดฉายตามโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่น นินจาฮาโตริ การ์ตูนที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน รวมถึงแอนจังเองด้วย เมื่อได้ทราบข่าวว่าจะมีการนำการ์ตูนเรื่องนี้มีสร้างใหม่ในรูปแบบของ ภาพยนต์โดยใช้คนแสดง จึงอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องราวของการ์ตูนเรื่อง "นินจาฮาโตริ" มาย้อนความหลังกัน
หลาย ๆ คนคงจำกันได้กับนินจาที่ใส่ชุดสีน้ำเงิน มีบ้านอยู่ในห้องใต้หลังคา เวลาต่อสู้หรือใช้วิชานินจา ก็จะพูดว่า "นิน นิน นิน" และยังมีมุข อีกาในชุดนินจาสีแดง ออกมากคั่นเวลา แล้วพูดว่า "ในเวลาต่อมา อาฮ้อย อาฮ้อย" พอนึกถึงก็อดขำไม่ได้จริง ๆ เรื่องราวโดยย่อ ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็เริ่มจาก "ฮาโตริ ซึ่งเป็นนินจา อิงะ [iga] ที่กำลังจะจบการศึกษาในด้านนินจา แต่ต้องมาฝึกวิชานินจาขั้นสุดท้ายจึงจะจบการศึกษาเป็นนินจาที่สมบูรณ์แบบ คือต้องหาเจ้านาย และซื่อสัตย์กับเจ้านาย โดย ฮาโตริเลือกที่จะอยู่กับนักเรียนประถมที่ชื่อว่า "เคนอิจิ" ซึ่งเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่มีความฝัน ไม่มีความสามารถอะไร แต่ว่าก็เป็นคนดี ในการ์ตูนเรื่องนี้มีตัวละครอีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น "เคมุมิกิ" ซึ่งเป็นนินจา โคงะ เป็นคู่ปรับกับฮาโตริ และต้องประลองฝีมือกันเป็นประจำ .. หรือแม้แต่หมานินจาที่ไม่ค่อยจะเก่งสักเท่าไหร่ วัน ๆ ได้แต่ร้องเรียกจะกิน "ชิกุวะ" หรือ น้องชายของฮาโตริ ที่ชื่อว่า "ชินโซ" ในชุดนินจาสีแดง และมีเสียงร้องไห้ที่แสนจะแซบแก้วหู และคอยตามฮิโตริ คอยเรียกหาแต่ "ท่านพี่ ท่านพี่" ...
การ์ตูนเรื่องนี้ นับได้ว่านานมากแล้วหากไม่มีการนำกลับมาสร้างเป็นภาพยนต์ก็อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ..... แฟน ๆ เว็บไซต์เจแปนคิขุ ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ๆ อาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำแต่ว่า ถึงยังไง "นินจา ฮาโตริ" ก็ยังคงจะวนเวียนอยู่ในใจ เด็ก ๆ รุ่นก่อน อย่างแน่นอน..

แนะนำตัวละคร
Hattori Kanzo (ฮาโตริ ฮันโซ) นินจา อิงะ คอยช่วยเหลือ เคนอิจิ นักเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่ง มีความสามารถใช้วิชานินจาได้หลากหลาย เช่น วิชาหายตัวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เหาะได้ ใช้ผ้าคลุมกำบังกาย หรือแม้แต่วิชา นะจังงัง ที่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถขยับตัวได้.. สิ่งที่ฮาโตริกลัวที่สุดก็คือ "กบ" Shinzo (ชินโซ) น้องชายของ ฮาโตริ มีความใฝ่ฝันที่จะเก่งเหมือนพี่ชายให้ได้ แต่วิชานินจาของชินโซยังไม่เข้าขั้น ความสามารถเฉพาะตัวคือ เวลาร้องไห้จะทำให้คนรอบข้างทนไม่ได้ เป็นวิชาที่ร้ายกาจมาก
Kenichi (เคนอิจิ) นักเรียนชั้นประถมที่ไม่เอาไหนทั้งเรื่องเรียน เรื่องความรัก และยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต้องคอยให้ ฮาโตริ คอยช่วยเหลือทุกครั้ง แต่เขาก็เป็นเด็กที่มีจิตใจดีมาก และเป็นนายของฮาโตริ Kemumaki (เคมุมากิ) นินจา โคงะ เป็นคู่ป รับกับฮาโตริมานานตลอด มีแมวคู่ใจ ชื่อ คาเงะชิโยะ
Shishimaru (ชิชิมะรุ) หมานินจา เป็นคู่หูกับชินโซ เป็นหมาที่ซื่อสัตย์ แต่ต่อสู้ไม่ค่อยเก่ง วัน ๆ เอาแต่กิน เพราะเป็นหมาตะกละ สิ่งที่ ชิชิมะรุ โปรดปรานที่สุดก็คือ ชิกุวะ นั่นเอง Kageshiyo (คาเงะชิโยะ) เป็นแมวนินจา คอยรับใช้ เคมุมากิ และเป็นแมวที่ซื่อสัตว์
Tsubame (ทสึบะเมะ) เพื่อนสมัยเด็กของ ฮาโตริ เป็นนินจา อิงะ เหมือนกัน ชอบฮาโตริ

นินจาฮาโตริมีอยู่จริงเหรอเนี้ย??
ใครจะรู้ว่า อ.Fujio F. Fujiko ได้แรงบรรดารใจจากการแต่งการ์ตูนเรื่อง "นินจาฮาโตริ" มาจาก ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่มีอยู่จริง ๆ ถึงแม้ว่า Hattori Hanzo ในประวัติศาสตร์ไม่ได้รับใช้ "Keniji" นักเรียนประถมเหมือนในการ์ตูน และชื่อของตัวการ์ตูนนินจา ฮาโตริ จะมีชื่อจริง ๆ ว่า "Hatori Kanzo" ไม่ใช่ "Hattori Hanzo" แต่ได้สันนิฐานว่าผู้แต่งคงมีแรงบรรดาลใจจานินจาตระกูล Hattori ซึ่งเป็นตระกูลของนินจาของญี่ปุ่น ได้รับใช้ "โชกุน Tokukawa" อย่างซื่อสัตย์มาตลอด...
หนึ่งในตระกูลนินจาที่มีชื่อเสียงที่สุดใน IGA ไม่ต้องสงสัยเลยคือ ตระกูล Hattori ซึ่งพวกเขามาจาก OTOMO HOSUTO ซึ่งเป็น 1 ใน หัวหน้าสมาชิกที่มีความสำคัญอย่างมากของครอบครัวคนญี่ปุ่น และคนจีน,หน้าที่หลักของตระกูล OTOMO จะเป็นการรับใช้ จักรพรรด์หรือ ราชนิกูลต่างๆ เพราะว่ามีความรู้ ด้านการสงครามที่ดี,หลังจากลูกชาย Hattori ก็ได้รับการอนุญาตให้พวกเขาสร้างครอบครัวกันเองได้,โดยลูกชายคนโตสุด HATTORI HEITARO KOREYUKI ใช่ชื่อตระกูลว่า KAMIHATTORI. ลูกชายคนกลาง HATTORI HEIJIRO YASUYORI ใช้ชื่อตระกูลว่า NAKAHATTORI,และลูกชายคนเล็ก HATTORI HEIJIRO YASUNORI ใช้ชื่อตระกูลว่า SHIMOHATTORI.พวกเขาแต่ละคนจะมี MON(ชุดเกาะ) จะมี YAHAZU NIHON (ลูกธนู 2 ดอก), ICHITOMOE (คั่นธนู), และ YAGURUMA( ลูกธนู 8 ดอกในห่วง). ชุดเกาะของครอบครัวเรานั้นจะมีต่ำแหนงที่คล้ายพวก Samurai เมื่อ ODA NOBUNAGA รุกราน IGA พวกนินจา 3 ตระกูลถูกฆ่ามีรอดชีวิตเพียง 80 คน และพวกเขาหนีกระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆชอง ญี่ปุ่น ตระกูล KAMIHATTORI หนีลงไปอยู่ หมู่บ้าน Nagauka ใน Echigo ,ตระกูล SHIMOHATTORI ได้รับการปกป้องโดยตระกูล TOKUGAWA ใน Mikaa หรือ โดยตระกูล Ochi ใน Takaturi ในจังหวัด Yamato,ตระกูล NAKAHATTORIหนีขึ้นไปบริเวณภูเขาTakano
นินจาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยคือ HATTORI HANZO MASASHIGE (1541-1596).เขาเป็นลูกชายของ HATTORI NAZO YASUNAGA ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดขุนนางจากตระกูล TOKUGAWA ในช่วง TOKUGAWA.ซึ่งเขามาจากตระกูล KAMIHATTORI ถ้าเขามาจากตระกูล HEITARO หรือ CHIGACHI จะไม่มีใครรู้จัก
HATTORI HANZO ได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างมืออาชีพ,ในปี 1557 เมื่อ HATTORI HANZO อายุ 16 ปี เขาได้รับการถาระกิจครั้งแรกในชีวิต คือที่ TOKUGAWA IEYASU โดยโจมตีที่ UZICHIJO ใน MIGAWA (ในประสาท UDO) และเขาได้รับรางวัลแรกด้วยเพราะว่าทักษะการต่อสู้อย่างน่าทึ่งในสนามรบ,เขาถูกเรียกว่า “ ผี HANZO”หลังจากเขาต่อสู้ใน ANAGAWAในปี 1570 และการต่อสู้ ที่ MIKATA GA HARA ในปี 1572 เขาก็ถูกเรียกตามความสามารถของเขาว่า “ปิศาจ HANZO”
ตระกูล HATTORI ไม่ใช่นินจา WATARI (นินจารับจ้างทั่วไป) พวกเขาซื่อสัตย์ต่อ Tokugawa เมื่อ ODA NOBUNAGA ถูกฆ่า โดย AKECHI MITSUHIDE ,หมู่บ้าน Tokugawa ที่ Osaka ก็ปิดลง ซึ่งถูกทางการกดดัน โดยกองกำลังทหาร AKECHI,ดังนั้น Tokugawa ได้รับการช่วยเหลือจาก HATTORI HANZO และ TARO SHIRO, นินจา KOGA ซึ่งมีนินจา 300 คน ช่วย Tokugawa หนีจนถึง Okazakijo โดย GOTON JUTSU (วิธีการหลบซ่อนตัวในธรรมชาติ) และเทคนิคพิเศษอีกมากมาย

เรื่องย่อจากภาพยนต์เรื่อง NIN NIN Ninja Hattori-kun, The Movie
ดาวกระจาย ที่ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ , แสงไฟจากการประดาบกันของเหล่านินจาในหุบเขาที่อยู่ลึกเข้าไปเป็นดินแดนของอิ งะ “ นินจาผู้เฒ่า จินโซ ” ( นำแสดงโดย ชิโระ อิโตะ ) ได้เดินทางมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในการถ่ายทอดวิชานินจาให้กับบุตรชายของตน คือ “ ฮาโตริ ” ( ชินโก คาโตริ ) โดยบททดสอบสุดท้ายนั้นเขาบอกบุตรชายว่าจะต้องยึดถือจรรยาบรรณของนินจาที่ว่า แม้จะต้องตกไปอยู่ใน “ เอโดะ ยุคใหม่ ” ( กรุงโตเกียว - ปัจจุบัน ) ก็ “ ห้ามมิให้ผู้ใดเห็นตัวตนจริง ๆ ของเจ้า ยกเว้นเทพเจ้า มิเช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่ได้เป็นนินจาอีกต่อไป
ไกลออกไปข้ามภูเขาไปอีกหลายลูกด้วยความเร็วปานสายฟ้า ฮาโตริได้เดินทางมาจนถึงเมืองโตเกียวที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องเข้ารับการทดสอบเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในฐานะของนินจานั้นภารกิจแรกของเขาก็คือการค้นหาใครสักคนมาเป็นเจ้านาย ดังนั้นฮาโตริจึงตัดสินใจเลือกเด็กนักเรียนชั้นประถม ผู้รู้สึกหดหู่และเหนื่อยหน่ายที่มีชื่อว่า “ เคนอิจิ ” ( ยูริ ชิเนน ) ให้มาเป็นเจ้านายของเขา
ชีวิตภายในบ้านของเคนอิจิไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกน่าตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด พ่อของเขา ( คาซูยูกิ อาซาโน่ ) ก็เอาแต่ทำงาน แม้เวลาอยู่ในบ้านก็ยังไม่เว้น ในขณะที่แม่ของเขา ( เอโกะ โทดะ ) ก็เอาแต่ซุบซิบนินทากับเพื่อนทั้งวัน ส่วน เคนอิจิ เองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนในโรงเรียน ทำให้เขากลายเป็นเด็กที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อมีฮาโตริเข้ามาอยู่ร่วมห้องด้วย และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ร่วมออกผจญภัยกันอย่างลับ ๆ เป็นต้นมา
ในช่วงเวลานี้เอง ได้เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดขึ้นในโตเกียว โดยมีผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบไปแต่กลับไม่มีบาดแผลใด ๆ ปรากฏอยู่บนร่างของเหยื่อ ผู้เคราะห์ร้ายมีตั้งแต่พนักงานรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงเจ้าของร้านขายบะหมี่ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ในสถานที่เกิดเหตุยังปรากฏร่องรอยของอาวุธบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับกริชของนินจา แต่นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ทำให้ นักสืบทาฮาร่า ( ทาคาชิ อูกาวิ ) ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีนี้ และ คาชิวาดะ ( มิกิชิซะ อะซูม่า ) คู่หู สามารถหาหลักฐานที่จะนำไปสู่การปิดคดีได้แต่อย่างใด
ใน เวลาเดียวกันที่ในโรงเรียน เคนอิจิ ก็มีครูคนใหม่ชื่อ “ ซาโต้ ” เข้ามาเป็นขวัญใจคนใหม่ของบรรดานักเรียนด้วยลีลาการสอนที่ดูน่าประหลาดใจ และเมื่อฮาโตริไปที่โรงเรียนกับเจ้านายของเขา เขาจึงต้องใช้ทักษะของนินจาในการปิดบังตัวเอง หากซาโต้กลับสามารถรับรู้ถึงการมาของฮาโตริได้ในทันที ทว่า .. ในที่สุดฐานะของซาโต้ก็ถูกเปิดเผยว่า แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นอดีตนินจาโคงะชื่อ “ เคมุมากิ ” ซึ่งเป็นศัตรูของฮาโตริมานานแล้ว
ฮา โตริท้าให้เคมุมากิมาต่อสู้กัน แต่เคมุมากิปฏิเสธและอ้างว่าเขาได้เปลี่ยนตัวเองมาสู่นินจายุคใหม่แล้ว เพราะในอดีตนินจาโคงะหลายคนได้ละทิ้งชีวิตของนินจา และได้เลือกที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับสังคมยุคใหม่ด้วยการใช้วิชานินจาที่ ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันอาทิ ไปเป็นดารา , แม่บ้าน หรือแม้แต่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ
และแม้ว่าจะเป็นความท้าทายในการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในยุคใหม่ แต่สำหรับฮาโตริแล้วเขากลับเลือกที่จะเป็นนิจาในแบบเก่า และยังระมัดระวังไม่ยอมให้ใครเห็นตัวยกเว้นแต่เพียงเคนอิจิคนเดียวเท่านั้น นอกจากนี้แล้วฮาโตริยังช่วยให้เคนอิจิเป็นคนที่มีความหวังและมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้วยการรู้จักที่จะสร้างมิตรภาพกับ “ มิโดริ ” สาวตาบอดที่อาศัยอยู่ข้างโรงเรียน
และ เมื่อทั้ง 3 ชักชวนกันไปเที่ยวป่า พวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่า ในป่าแห่งนั้นจะมีเงามืดที่คอยคุกคามเคนอิจิและเพื่อนของเขาอาศัยอยู่ แต่เจ้าเงามืดนั่นเป็นใครกันล่ะ ? และมันมีวัตถุประสงค์อะไร ? เขาคือเคมุมากิใช่หรือไม่ ? ในขณะที่ฮาโตริเองก็ต้องเลือกระหว่างที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมสมัยใหม่ หรือจะใช้ชีวิตในแบบนินจาแบบเดิม
บททดสอบสุดท้ายของฮาโตริจะจบลงอย่างไร ? ติดตามได้จาก NINNIN:THE MOVIE หรือ นินนินนิน - นินจาฮาโตริ …


รู้จักประวัติของคนแต่ง นินจาฮาโตริ กันรึยัง??
ชื่อ : อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิ
เกิด : 1 ธันวาคม 1933
ที่เกิด : เมืองทากาโอกะ จังหวัดโทยามะ
ประวัติ : ชีวิตการเป็นนักเขียนการ์ตูนของท่าน เริ่มต้นเมื่อปี 1944 อาบิโกะ โมโตโอะ เด็กวัยรุ่นๆ เดียวกับท่าน ย้ายมาอยู่ที่เมือง ทากาโอกะ ทั้งคู่ได้รู้จักกันจากการเรียนชั้นเดียวกันตอนเรียนป5 ในปี 1946 ทั้งคู่ได้เลือกเรียนในโรงเรียนช่าง เทคนิคด้วยกัน ทั้งคู่เรียนสาขาไฟฟ้าเหมือนกัน และร่วมกันทำโปรเจคท์ สร้างเครื่องฉายภาพขึ้นมา และเอาการ์ตูนต่างๆ มาฉายโชว์ไป เป็นที่ฮือฮาของเด็กในละแวกนั้น
ในปี 1947 ทั้งคู่ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง "ชินทาการะจิมะ" (เกาะมหาสมบัติใหม่) ของ อ.โอซามุ เทะซึกะ นั่นเป็นการ์ตูนที่ทำให้ทั้งคู่เกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนออกมา และพิมพ์จำหน่ายในละแวกบ้านเกิด ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนมาเรื่อย เริ่มสะสมชื่อเสียงมาทีละน้อย เมื่อเริ่มมีคนรู้จัก ทั้งคู่ก็ย้ายออกจากโทยามะ มาอยู่ ในเมืองใหญ่อย่างเกียวโต

ปี 1963
ทั้งคู่ได้ร่วมกับนักเขียนไฟแรงอีกหลายคนในยุคนั้น อาทิ อิชิโนโมริ โชทาโร่, สึโนดะ ชิโร่ ฯลฯ ร่วมกันสร้าง
"STUDIO ZERO" ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับทำงานด้านอะนิเมขึ้นมา แต่ทั้งอ.ฟุจิโมโตะกับ อ.อาบิโกะ ก็ยังคงมีงานหนังสือการ์ตูน
ออกมาเรื่อยๆ ในหลายๆ นามปากกา อาทิ อาชิสึกะ ฟุจิโอะ ในปี 1953 และชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ นั้นเริ่มใช้ในปี 1954 โดยแบ่งเป็น FUJIKO-F. FUJIO หมายถึง อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรช ิ และ FUJIKO-FUJIO A หมายถึง อ.อาบิโกะ โมโตโอะ

ในปี 1970 ทั้งคู่ก้ร่วมกันสร้างงานประวัติศาสตร์ "โดราเอมอน" ขึ้นมา ยุครุ่งเรืองก็ดำเนินเรื่อยมา

ในปี 1988 ทั้งคู่ก็ยุติการใช้ชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ และ อ.ฟุจิโมโตะ ก็ยุติบทบาทการเป็นนักเขียนการ์ตูนนับแต่ นั้นมา อ.ฟุจิโมโตะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1966

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น